Politics

“อุ๊งอิ๊ง” ยันการตัดสินใจตั้งรัฐบาลผสมเป็นทางออก ชี้อิสระของแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคหลักในการแก้ไขเศรษฐกิจ

“อุ๊งอิ๊ง” ยันการตัดสินใจตั้งรัฐบาลผสมเป็นทางออก ชี้อิสระของแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคหลักในการแก้ไขเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 3 พฤษภาคม - นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในงาน "10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10" ที่จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของพรรคเพื่อไทยว่าการตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้วเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพื่อรับมือกับปัญหาที่คั่งค้างจากการรัฐประหารและระบบราชการที่เฉื่อยชา "เราเห็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สินที่สูงขึ้น ภัยคุกคามทางความมั่นคง และเศรษฐกิจใต้ดินที่พุ่งสูง เหล่านี้ทำให้ประชาชนอ่อนแอและขาดโอกาส" นางสาวแพทองธารกล่าว และเสริมว่า "เราจำเป็นต้องทำให้รัฐบาลมีบทบาทมากขึ้นในการนำพาเศรษฐกิจและสังคมไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้" นางสาวแพทองธารยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงกฎหมายที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอิสระจากรัฐบาลว่าเป็นอุปสรรคหลักที่ทำให้นโยบายการคลังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เธอกล่าวว่า "นโยบายการเงินที่ไม่สอดคล้องกันทำให้ประเทศต้องเผชิญกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นทุกปี นี่คือเหตุผลที่เราต้องหาทางลดเพดานหนี้และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ" ในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม พรรคเพื่อไทยมีแผนการดำเนินการที่ครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่การปรับปรุงระบบบริหารจัดการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การรังสรรค์นโยบายเศรษฐกิจที่เน้นการกระจายรายได้และเสริมสร้างศักยภาพในท้องถิ่น ไปจนถึงการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ "เราตั้งใจจะนำเสนอนโยบายใหม่ที่จะทำให้ไทยกลับมาเป็นฮับหลักทางการบินและการเงินของอาเซียน นอกจากนี้ยังมีแผนใหญ่ในการปรับปรุงกฎหมายล้าสมัยและสร้างกฎหมายใหม่ที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง" นางสาวแพทองธารกล่าวเพิ่มเติม การกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการบริหารงานของรัฐก็เป็นหนึ่งในจุดเน้นของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่สดใส ตามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเน้นย้ำ "การสร้างพันธมิตรทางการเมืองและการต่างประเทศที่มีคุณภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาไทยผ่านความท้าทายที่ต้องเผชิญในทุกด้าน และเรามั่นใจว่าด้วยการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ประเทศไทยจะสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน." ในท้ายที่สุด พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายให้บรรลุผลการดำเนินงานเต็มร้อยก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขามีความสามารถและพร้อมที่จะนำพาประเทศก้าวหน้าไปด้วยนโยบายที่มั่นคงและการบริหารที่เห็นผลจริง
Read More
การเมืองไทย เกม “ดึงดุล” ขั้วเก่า ยังมีอะไรมากกว่าที่เห็น?

การเมืองไทย เกม “ดึงดุล” ขั้วเก่า ยังมีอะไรมากกว่าที่เห็น?

การเมืองไทยหลังเลือกตั้งปี 2566 ยังคงร้อนระอุ การจัดทัพ "ยื้อดุล" ของขั้วอำนาจเก่าอย่างพรรคเพื่อไทย กลายเป็นประเด็นที่หลายคนจับตา บทวิเคราะห์นี้ จะพาไปเจาะลึกเบื้องหลังกลยุทธ์ "บริหารประเทศ-บริหารคนการเมือง" แบบ "แพ็กคู่" พร้อมอัปเดตเนื้อหาให้น่าสนใจและทันสมัย สูตรสำเร็จ "ขายพ่วง 2 ลุง นึกย้อนไปยุครัฐบาลท็อปบูต สูตร "ขายพ่วง 2 ลุง" ที่นำเสนอ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ในบทบาทบริหารประเทศ ควบคู่ไปกับ "พลเอกอนุพงษ์ เผือกพิพัฒน์" ดูแลกลาโหม ประสบความสำเร็จอยู่หลายปี แม้จะสะดุดในโค้งสุดท้ายก็ตาม เพื่อไทยเวอร์ชั่น 2.0 พรรคเพื่อไทยเองก็มีสูตรสำเร็จในแบบฉบับ "เพื่อไทยเวอร์ชั่น 2.0" โดยมี "นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน" รับบทบริหารประเทศ ส่วน "อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร" ทำหน้าที่มหากุนซือคอยหนุนหลัง แบ่งโหมดการทำงานชัดเจน เกมเก้าอี้ดนตรีใน ครม. สัญญาณที่ชัดเจนคือ การปรับ ครม. ล่าสุด บ่งบอกถึงอิทธิพลของ "บ้านจันทร์ส่องหล้า" ที่ต่อรองตำแหน่งสำคัญอย่างกระทรวงกลาโหม สะท้อนถึงการดึงดุลอำนาจภายในพรรค จุดโฟกัส: คลังและกลาโหม กระทรวงการคลังและกลาโหม กลายเป็นจุดโฟกัสสำคัญ โดยเฉพาะ "ทักษิณ" มองว่าถึงเวลาต้อง "ดึงดุล" แม้จะถูกมองว่าได้เปรียบ แต่สไตล์การเป็นซีอีโอนักเจรจา ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ดีลลับ "คืนบ้านคืนเมือง" ข้อตกลงลับ "คืนบ้านคืนเมือง" กับขั้วอำนาจเก่า กลายเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามอง เพื่อไทยยอมปล่อยมือให้ "ขั้วอำนาจเก่า" ควบคุมเกมในภาคความมั่นคง-กองทัพ แลกกับการต่อกรกับพรรคก้าวไกล มากกว่าที่เห็น 1. อนาคตของ "เศรษฐา" แม้ "เศรษฐา" จะได้รับการสนับสนุนจาก "ทักษิณ" แต่บทบาทในระยะยาวจะเป็นอย่างไร? ยังมีคำถามที่ต้องจับตา 2. ความสัมพันธ์ "เพื่อไทย-ทหาร" ดีลลับ "คืนบ้านคืนเมือง" จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง "เพื่อไทย" กับ "ทหาร" อย่างไร? 3.…
Read More
อิสราเอลโจมตีอิหร่านด้วยจรวดความเร็วเหนือเสียง

อิสราเอลโจมตีอิหร่านด้วยจรวดความเร็วเหนือเสียง

การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลต่อฐานทัพอากาศอิหร่านในเมืองอิสฟาฮานเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ด้วยจรวดความเร็วเหนือเสียง "แรมเพจ" นั้น เป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศคู่ปรับในตะวันออกกลางครั้งสำคัญ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากอิหร่านส่งโดรนติดระเบิดและขีปนาวุธกว่า 300 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 13 เมษายน ซึ่งถือเป็นการโจมตีอิสราเอลโดยตรงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จรวดแรมเพจ อาวุธล้ำสมัย จรวดแรมเพจที่ใช้ในการโจมตีครั้งนี้เป็นอาวุธล้ำสมัย ความเร็วเหนือเสียง หมายความว่ามันสามารถบินได้เร็วกว่าความเร็วเสียงหลายเท่า ทำให้ยากต่อการตรวจจับและสกัดกั้น จรวดชนิดนี้ได้รับการพัฒนาโดยอิสราเอลเอง และเชื่อกันว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก การตอบโต้และผลกระทบ การโจมตีของอิสราเอลเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงต่อการโจมตีของอิหร่าน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอิสราเอลที่จะปกป้องตนเองจากภัยคุกคาม  การโจมตีครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วระหว่างสองประเทศ ปฏิกิริยาจากนานาชาติ ชุมชนนานาชาติแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดความตึงเครียดและหันมาใช้มาตรการทางการทูตเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง อนาคตที่ไม่แน่นอน ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์อย่างไร  มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตอบโต้กันไปมา  ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ  อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเลือกใช้ความอดทนและหาวิธีแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติ ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ เหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของการเจรจา มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอล แต่ยังไม่มีการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่ชัด สถานการณ์ยังคงตึงเครียดและอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ควรติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้อย่างต่อเนื่อง
Read More